น้ำมันงาขี้ม้อน SmileDrops

 

น้ำมันงาขี้ม้อน SmileDrops

 

  • น้ำมันงาบริสุทธิ์สกัดเย็นจากธรรมชาติ 100%

  • ควบคุมดูแลโดย ดร.ภาณี ทองพำนัก นักวิจัยเชี่ยวชาญพิเศษด้านเทคโนโลยี และพันธุ์พืช

  • มีโอเมก้า 3 มากกว่าน้ำมันปลา จากปลาทะเลน้ำลึก

  • เลขที่ อย. 11-1-10249-1-0122

 

       น้ำมันงาขี้ม้อน 1 กระปุก 30 แคปซูล

                  ราคา  400  บาท

น้ำมันงา สกัดเย็นบริสุทธิ์ SmileDrops

        น้ำมันงา SmileDrops ผ่านกระบวนการสกัดเย็นโดยการบีบ อัด และไม่ใช้ความร้อน รวมถึงสารเคมีเพื่อให้ได้น้ำมันงาที่ดี แล้วกรองเอาเฉพาะส่วนของน้ำมันงาบริสุทธิ์ที่มีสีใส สะอาด ไม่มีกลิ่นหืน ที่สำคัญเป็น น้ำมันงาบริสุทธิ์สกัดเย็นจากธรรมชาติ 100% ซึ่งกรรมวิธีการผลิตมีมาตรฐานควบคุมดูแลโดย ดร.ภาณี ทองพำนัก นักวิจัยเชี่ยวชาญพิเศษด้านเทคโนโลยีและพันธุ์พืชมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน และเป็นที่ปรึกษาชมรมเกษตรอินทรีย์แห่งประเทศไทย


น้ำมันงาขึ้ม้อน

ส่วนประกอบสำคัญในน้ำมันงาขี้ม้อน สมายด์ดรอป

  • กรดไลโนเลนิค/ โอเมก้า 3            312 mg.         62.4 %

  • กรดไลโนเลอิค/ โอเมก้า 6              79 mg.         15.84 %

  • กรดโอเลอิค/ โอเมก้า 9                  59 mg.         11.14 %

  • โปรตีน                                           1.5 mg.          0.3 %

  • วิตามิน อี                                       0.21 mg.        0.7 %


        น้ำมันงาขี้ม้อน (Perilla) 

          งาม้อน หรืองาขี้ม้อน เป็นพืชสมุนไพรที่มีประวัติการใช้เป็นอาหาร และยาในประเทศทางแถบเอเชียมานานแล้ว สำหรับประเทศไทยงาม้อนเป็นพืชที่ปลูกกันมานานในพื้นที่ภาคเหนือหลายจังหวัด น้ำมันงาขี้ม้อน อุดมด้วยวิตามินบี โอเมก้า 3 ซึ่งงาม้อนมีกรดไขมันอิ่มตัวสูง มีฟอสฟอรัส และแคลเซียมที่มากกว่าพืชผักทั่วไปหลายเท่า โดยมีแคลเซียม 410 - 485 มิลลิกรัม ต่อ 100 กรัม ทั้งยังช่วยในการลดลิ่มเลือด และการเกาะตัวของเกร็ดเลือด ควบคุมไตรกลีเซอไรด์ในเลือด ช่วยลดความหนืดของเลือด นอกจากนี้ น้ำมันงาขี้ม้อน มีโอเมก้า 3 มากกว่าน้ำมันปลาจากปลาทะเลน้ำลึกหลายเท่า ยังมีสารเซซามอลที่สามารถยับยั้งการเกิดมะเร็ง และทำให้ร่างกายแก่ช้าลง

  • ช่วยเรื่องการนอนหลับให้นอนหลับได้ดียิ่งขึ้น

  • ช่วยบรรเทาความเครียด ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย หลับสบาย

  • บำรุงสมอง ทำให้สมองทำงานอย่างปกติ

  • ช่วยในการพัฒนาการ และการเรียนรู้ของสมองให้ทำงานดีขึ้น

  • ช่วยป้องกันความเสี่ยงในการเป็นอัลไซเมอร์ และโรคพาร์กินสัน

  • เสริมสร้างความแข็งแรงของเซลล์สมอง

  • มีส่วนช่วยในการบำรุงสายตา ช่วยในการมองเห็นที่ดีขึ้น

  • ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลไม่ให้มากเกินไป

  • ป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง และช่วยให้ร่างกายแก่ช้าลง


โอเมก้า 3 ในน้ำมันงาขี้ม้อน

           กรดไขมันโอเมก้า 3 (ω-3 หรือ omega-3) เป็นโครงสร้างไขมันสำคัญในสมอง และจอประสาทตา กรดไขมันโอเมก้า 3 เป็นกลุ่มของกรดไขมันชนิดที่ไม่อิ่มตัวสูง เป็นหนึ่งในกรดไขมันจำเป็น (Essential Fatty acid) ที่ร่างกายมนุษย์ขาดไม่ได้ และในขณะเดียวกันที่ร่างกายสร้างเองไม่ได้ ต้องมาจากการบริโภคเข้าไปเท่านั้น ซึ่งกรดไขมันโอเมก้า 3 พบได้ในไขมันปลา เมล็ดพืชบางชนิด 

           กรดไขมันโอเมก้า 3 มีบทบาทสำคัญต่อโครงสร้างและการทำงานของสมอง ตับ และระบบประสาทเกี่ยวกับการพัฒนาการการเรียนรู้ รวมทั้งเกี่ยวกับเรตินาในการมองเห็น นอกจากนี้ ยังมีบทบาทสำคัญอย่างมากต่อโภชนาการ และสุขภาพของคนเรา เช่น ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล และไตรเอธิลกลีเซอรอล (triethylglycerol) ในน้ำเลือด ควบคุมระดับไลโปโปรตีน (lipoprotien) และมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบ และหน้าที่ของเกล็ดเลือด จึงมีแนวโน้มก่อให้เกิดผลดีในการช่วยบรรเทาความอันตรายของโรคทางเดินหายใจ โรคไขมันในเส้นเลือด โรคหัวใจและโรคซึมเศร้า

           น้ำมันงาขี้ม้อน ส่งผลต่ออาหารสมองในช่วงที่ผ่านมาส่วนใหญ่จะเป็นการใช้กรดไขมันชนิดโอเมก้า 3 โดยเฉพาะ DHA (Docosaheaenoic acid) เนื่องจาก 60 % ของสมองประกอบด้วยกรดไขมันและครึ่งหนึ่งในนั้นคือ DHA จากงานวิจัยทางการแพทย์พบว่าร่างกายต้องการ DHA จำนวนมากในช่วงการตั้งครรภ์ และการเติบโตของทารก การเจริญเติบโตของทารกและเด็กต้องการ EPA (lecosapantanoic acid) และ DHA นอกจากนั้น การให้ EPA ในปริมาณมากกว่าปกติจะช่วยลดความผิดปกติของสมองในวัยชรา

           เราพบว่า น้ำมันงาขี้ม้อนมีโอเมก้า 3 (ALA) อยู่มากถึง 60 %  ซึ่งปกติจะพบ โอเมก้า 3 ในน้ำมันปลา เพราะฉะนั้นจึงเหมาะสำหรับคนไม่กินเนื้อสัตว์ หรือมังสวิรัติ หรือกินเจ รวมทั้งผู้ที่แพ้น้ำมันปลา เมื่อได้รับประทานน้ำมันงาขี้ม้อน โอเมก้า 3 นี้จะถูกเอ็นไซม์ในร่างกายเปลี่ยนเป็นสาร EPA, DHA  ซึ่งสารทั้งสองสำคัญต่อการสร้างเซลล์แมมเบรนของสมอง

           น้ำมันงาขี้ม้อนที่มีโอเมก้า 3 มีผลต่อสมองเกี่ยวกับความฉลาด ความจำในวัยทำงานและป้องกันโรคความจำเสื่อมในวัยชรา นอกจากนี้ ยังมีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ป้องกันการอุดตันของหลอดเลือด ป้องกันโรคหัวใจและช่วยป้องกันมะเร็งบางชนิด


ข้อแตกต่างระหว่าง กินงาทั้งเม็ด กับ น้ำมันงา

          อาหารและสารอาหารบางอย่างไม่สามารถดูดซึมเข้าร่างกายไปได้หมด ถ้ารับประทานเข้าไปร้อยเปอร์เซ็นต์ก็ถ่ายออกมาเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ก็มี เช่น เม็ดงาดำ เม็ดงาขาว ถ้าไม่บด ไม่ทำให้เป็นผงก่อนกิน ร่างกายจะได้รับสารอาหารในปริมาณน้อย เพราะโครงสร้างของเม็ดงาแข็งแรงมาก เอนไซม์ไม่สามารถย่อยสลายได้หมด แต่การที่จะทำให้งาดำ งาขาวเกิดสรรพคุณอย่างเต็มคุณค่านั้นต้องผ่านกระบวนการบีบเย็นก่อน ซึ่งเป็นในรูปแบบของน้ำมันงาจึงเป็นทางเลือกหนึ่งที่ร่างกายจะดูดซึมสารอาหารได้อย่างเต็มที่

          และมักมีคำถามให้พบบ่อยๆว่าทานงาป่นดีกว่าไหม? ตอบได้เลยว่า สามารถทานงาป่นได้ แต่อาจจะทำให้ติดเชื้อราได้ง่าย เหม็นหืนด้วย และคำถามสุดท้าย คือ ทานงาคั่วดีกว่าไหม ตอบได้ว่า งาดำ งาขาวที่คั่วสามารถเอาไปรับประทานได้อยู่แล้ว แต่ต้องมีความมั่นใจว่าไม่มีสารพิษปนเปื้อน เพราะถ้าเราไม่มีการตรวจที่ดีอาจจะมีเชื้อราปะปนอยู่โดยที่ไม่สามารถรู้ได้ การคั่วงาที่มีอุณหภูมิสูงเกินไปก็อาจจะทำให้เกิดสารพิษได้ ส่วนงาที่ไหม้ทำให้โปรตีนหรือสารต่างๆในงาดำ งาขาวนั้นหายไป


กินงามีคุณค่าดั่งได้หยก

          ชาวจีนนิยมกินงา และยังถือว่า “น้ำมันงา” เป็นยาอายุวัฒนะ ส่วนในตำราอินเดีย ยังกล่าวสรรพคุณของงาไว้ว่า งาเป็นยาบำรุงร่างกาย ทำให้ร่างกายมั่นคงแข็งแรง แต่เดิมงาเป็นพืชพื้นเมืองของเอเชีย หรือตะวันออกของแอฟริกา แต่ปัจจุบันพบได้ในพื้นที่เขตร้อน และกึ่งร้อน ส่วนชาวจีนรู้จักคุณค่าของงามานาน โดยนิยมกินงาเพื่อเป็นยาอายุวัฒนะ นอกจากนั้นพวกเขายังเผาเมล็ดงาเพื่อใช้ทำแท่งหมึกจีนที่มีคุณภาพดี ส่วนชาวโรมันบดเมล็ดงาผสมขนมปังเป็นอาหารรสดี ชาวไทยก็มีขนมที่ใช้เมล็ดงา เรียกว่า ขนมงาตัด เช่นกัน
ซึ่งใช้งากวนกับน้ำตาลแล้วตัดเป็นแผ่น

           มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Sesamum indicum Linn. โดยงาเป็นไม้ล้มลุกและเป็นไม้พื้นเมืองของประเทศแถบเส้นศูนย์สูตร แสดงถึงการพบต้นไม้ชนิดว่าอยู่ในแถบดินแดนโอเรียนเต็ลนี้เอง ซึ่งก็รวมถึงประเทศไทยด้วย มีการปลูกงามากที่ประเทศจีน อินเดียไปจนถึงเม็กซิโก และสหรัฐอเมริกา งาเป็นต้นไม้ขนาดเล็กสูง 1-2 เมตร มีใบบอบบาง ดอกสีขาวหรือชมพู เมื่อผลแก่จัดจะได้เมล็ดงาจำนวนมากในฝักนั้น ซึ่งในฝักมีเมล็ดเล็กๆสีขาว หรือสีดำ งาเมล็ดพืชเล็กจิ๋วที่อุดมไปด้วยสารอาหารมี 2 แบบ คือ งาดำ และ งาขาว นอกจากนี้ ยังมีน้ำมันงาที่ใช้ปรุงอาหารได้ดี เพราะมีกลิ่นหอม และกรดไขมันที่มีประโยชน์ โปรตีนในงามีกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกาย คือ กรดอะมิโนเมธิโอนีน (ในถั่วเหลืองมีกรดอะมิโนที่จำเป็นตัวนี้น้อยกว่า)  และยังมีสารที่สกัดจากงาชื่อว่า SESAME ที่ช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็งตับด้วย โดยชาวมังสวิรัติจะนิยมโรยงาลงไปในอาหารหรือถั่วเหลืองที่ปรุงแล้วเพื่อให้มีสารอาหารอย่างโปรตีนที่สมบูรณ์มากขึ้น


การรับประทานน้ำมันงา

น้ำมันงาแคปซูล

  • สำหรับผู้ที่มีร่างกายแข็งแรงปกติ :  รับประทาน 2 แคปซูล/วัน ให้รับประทานงาขี้ม้อน 1 แคปซูล ร่วมกับ งาขาวหรืองาดำอย่างใดอย่างหนึ่ง 1 แคปซูล ควบคู่กัน ร่างกายจะได้รับโอเมก้า 6 เป็นสัดส่วนกับโอเมก้า3 ในอัตรา 1:1 ขณะเดียวกันก็ได้รับวิตามิน E 4 - 6 มิลลิกรัม

  • สำหรับผู้ที่ต้องการเสริมภูมิคุ้มกัน :  รับประทาน 4 แคปซูล/วัน ให้รับประทานงาขี้ม้อน 2 แคปซูล งาขาวและงาดำ อย่างละ 1 แคปซูล ควบคู่กัน ร่างกายจะได้รับโอเมก้า 6 เป็นสัดส่วนกับโอเมก้า3 ในอัตราส่วน 1:1 ร่างกายจะได้รับโอเมก้า3 ในปริมาณ 626 มิลลิกรัม และโอเมก้า9 ประมาณ 460 มิลลิกรัม ขนะเดียวกันก็ได้รับวิตามิน E 10 มิลลิกรัม

  • สำหรับผู้ป่วย :  รับประทาน 8 แคปซูล/วัน รับประทานงาขี้ม้อน 4 แคปซูล งาขาวและงาดำ อย่างละ 2 แคปซูล ควบคู่กัน ร่างกายจะได้รับโอเมก้า 6 เป็นสัดส่วนกับโอเมก้า3 ในอัตราส่วน 1:1 ร่างกายจะได้รับโอเมก้า3 ในปริมาณ 1,250 มิลลิกรัม และโอเมก้า 6 ประมาณ 920 มิลลิกรัม ขนะเดียวกันก็ได้รับวิตามิน E 20 มิลลิกรัม ซึ่งอยู่ในระดับที่แพทย์ทางเลือกแนะนำ

อย่างไรก็ตาม ควรรับประทานอาหารที่หลากหลายครบ 5 หมู่ในสัดส่วนที่เหมาะสม รับประทานผักและผลไม้ไม่หวานจัด ดื่มน้ำสะอาด งดเหล้า เลิกสูบบุหรี่ ออกกำลังงกายสม่ำเสมอ อยู่ในที่อากาศบริสุทธิ์เพื่อสุขภาพที่ดี


ขนาดบริโภคน้ำมันงาขาว SmileDrops

รับประทานวันละ 2 แคปซูล พร้อมอาหาร หรือหลังรับประทานอาหาร

หมายเหตุ : ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแต่ละบุคคล และการดูแลสุขภาพอย่างถูกวิธี